เมนู

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าใครคนอื่นเมื่อจะตายพูดอย่างนี้ว่า เมื่อฉัน
ล่วงไปแล้ว บริขารของฉันจงเป็นของสงฆ์ ภิกษุณีสงฆ์ไม่เป็นใหญ่ในบริขาร
นั้น บริขารนั้นเป็นของภิกษุสงฆ์ฝ่ายเดียว.

ภิกษุณีประหารภิกษุ


[560] สมัยนั้น หญิงคนหนึ่งเป็นภรรยาของนักมวยมาก่อน บวช
ในสำนักภิกษุณี นางเห็นภิกษุทุพพลภาพที่ถนน แล้วให้ประหารด้วยไหล่ให้
เซไป ภิกษุทั้งหลายเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีจึงได้ให้
ประหารแก่ภิกษุเล่า แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ...ตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุณีไม่พึงให้ประหารแก่ภิกษุ รูปใดให้ประหาร ต้อง
อาบัติทุกกฏ เราอนุญาตให้ภิกษุณีเห็นภิกษุแล้ว หลีกทางให้แต่ไกลเทียว.

นำทารกไปด้วยบาตร


[561] สมัยนั้น หญิงคนหนึ่งผัวหย่าร้างจึงมีครรภ์กับชายชู้ นาง
รีดครรภ์แล้วกล่าววานภิกษุณีผู้กุลุปกะว่า วานทีเถิดเจ้าข้า ขอท่านจงนำทารก
นี้ไปด้วยบาตร ภิกษุณีนั้นจึงวางเด็กลงในบาตรปิดด้วยผ้าสังฆาฏิเดินไป.
สมัยนั้น ภิกษุผู้ถือเที่ยวบิณฑบาตรูปหนึ่งทำการสมาทานว่า เราไม่ให้
ภิกษาที่ได้แก่ภิกษุ หรือภิกษุณีก่อนแล้วจักไม่ฉัน.
ครั้งนั้น เธอพบภิกษุณีนั้นแล้วได้กล่าวว่า น้องหญิง เชิญรับภิกษา.
นางปฏิเสธว่า อย่าเลย เจ้าข้า.
แม้ครั้งที่สอง ภิกษุนั้นได้กล่าวกะภิกษุณีนั้นว่า น้องหญิงเชิญรับภิกษา.
นางปฏิเสธว่า อย่าเลย เจ้าข้า.
แม้ครั้งที่สาม ภิกษุนั้นได้กล่าวกะภิกษุณีนั้นว่า น้องหญิงเชิญรับภิกษา.
นางปฏิเสธว่า อย่าเลย เจ้าข้า.

ภิกษุนั้นชี้แจงว่า. น้องหญิง ฉันสมาทานไว้ว่า ฉันไม่ให้ภิกษาที่ได้
แก่ภิกษุ หรือภิกษุณีก่อนแล้วจักไม่ฉัน น้องหญิงเชิญรับภิกษา.
ครั้นนางถูกภิกษุนั้นแค่นไค้อยู่ จึงนำบาตรออกแสดงกล่าวว่า พระ-
คุณเจ้าข้า ท่านจงดูทารกในบาตร ท่านอย่าบอกใคร ภิกษุนั้นเพ่งโทษ ติเตียน
โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีจึงนำทารกไปด้วยบาตรแล้วแจ้งเรื่องนั้นแก่ภิกษุ
ทั้งหลาย บรรดาภิกษุที่เป็นผู้มักน้อย. . .ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า
ไฉนภิกษุณีจึงได้นำทารกไปด้วยบาตร แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า ๆ . . .ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุณีไม่พึงนำทารกไปด้วยบาตร
รูปใดนำไป ต้องอาบัติทุกกฏ เราอนุญาตให้ภิกษุณีพบภิกษุแล้วนำบาตร
ออกแสดง.

แสดงก้นบาตร


[562] สมัยนั้น ภิกษุณีฉัพพัคคีย์พบภิกษุแล้ว พลิกกลับแสดง
ก้นบาตร ภิกษุเหล่านั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีฉัพพัคคีย์
พบภิกษุแล้ว จึงได้พลิกกลับแสดงก้นบาตร แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มี
พระภาคเจ้า ๆ . . .ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุณีพบภิกษุแล้ว ไม่พึง
พลิกกลับแสดงก้นบาตร รูปใดแสดง ต้องอาบัติทุกกฏ เราอนุญาตให้ภิกษุณี
พบภิกษุแล้ว หงายบาตรแสดง และอามิสใดมีในบาตร พึงนิมนต์ภิกษุด้วย
อามิสนั้น.

เพ่งดูนิมิตบุรุษ


[563] สมัยนั้น นิมิตบุรุษเขาทิ้งไว้ที่ถนนในพระนครสาวัตถี ภิกษุณี
ทั้งหลายตั้งใจเพ่งดูนิมิตบุรุษนั้น ชาวบ้านพากันโห่ ภิกษุณีเหล่านั้นเก้อ จึง